สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค. ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเช่นนี้อาจทำให้ความต้องการพลังงานหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในคืนวันพฤหัสบดี และการประชุมโอเปคครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 2.41 ดอลลาร์ หรือ 2.35% ปิดที่ 100.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 2.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 114.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีนอาจส่งผลให้ความต้องการพลังงานหดตัวลงด้วย โดยเมื่อวานนี้ สมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีน (CFLP) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพ.ค.ร่วงลง 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สู่ระดับ 52 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสองเดือน หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
ส่วนในด้านสหรัฐนั้น ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 ป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2010 และเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.ขยายตัวที่ระดับ 53.5 จุด น้อยกว่าเดือนพ.ค.ที่ขยายตัวได้ดีถึง 60.4 จุด และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 57.7 จุด
มาสเตอร์การ์ด สเปนดิงพัลส์ รายงานว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินค้าปลีกของสหรัฐในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 พ.ค.ลดลง 2.5 % สู่ระดับ 389.2 ล้านแกลลอน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 10 สัปดาห์
องค์กรการตลาดน้ำมันแห่งชาติของอิรักที่ระบุว่า ยอดส่งออกน้ำมันของอิรักในเดือนพ.ค.อยู่ที่ระดับ 2.225 ล้านบาร์เรลต่อวันโดยเฉลี่ย เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 2.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ (2 มิ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.6%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกลุ่มโอเปคครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ หลังจากโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปคอาจจะปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการทั่วโลกที่สูงขึ้น