ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.) ราคาสัญญาธัญพืชปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเพาะปลูกที่ล่าช้าและเงินสกุลดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในการซื้อขายในช่วง 3 วันที่ผ่านมา
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 1.0% ปิดที่ 7.665 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค.พุ่ง 10.5 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 7.6975 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค.พุ่ง 20.75 เซนต์ หรือ 1.6% มาปิดที่ 14.07 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า การคาดการณ์ถึงสภาพอากาศที่ชื้นแฉะต่อเนื่องในบริเวณที่ราบทางภาคเหนือของสหรัฐ, การอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลลาร์ และภาวะภัยแล้งที่ขยายวงกว้างในรัฐเท็กซัสและโอคลาโฮมา ต่างก็เป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดข้าวสาลี นอกจากนี้ การพยากรณ์ถึงสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งในรัสเซีย รวมทั้งกระแสข่าวลือที่ว่ารัสเซียอาจไม่มีข้าวสาลีคุณภาพสูงจำนวนมากพอสำหรับส่งออกต่างก็ถูกมองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อข้าวสาลี
ตลาดข้าวสาลียังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเพาะปลูกในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ล่าช้าของสหรัฐ โดยกระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) รายงานว่า การเพาะปลูกข้าวสาลีในสัปดาห์ที่ผ่านมาเสร้จสิ้นไปแล้วเพียง 68% เท่านั้น เมื่อเทียบกับ 94% ในปีที่แล้ว และค่าเฉลี่ยที่ 93% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ตลาดข้าวสาลีได้ปรับตัวลดลง 2 วันติดต่อกันหลังรัสเซียยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออก
ส่วนตลาดข้าวโพดได้รับแรงหนุนจากการพยากรณ์สภาพอากาศที่ชื้นแฉะขึ้นในทางตะวันออกของเขตคอร์นเบลท์ของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยังสกัดการเพาะปลูกต่อไป นอกจากนี้ การคาดการณ์ของภาคเอกชนที่ว่าพื้นที่เพาะปลูกในสหรัฐอาจลดลง 5 ล้านเอเคอร์ในปีนี้ ก็เป็นปัจจัยบวกต่อข้าวโพด
ข้อมูลสถิตการผลิตเอธานอลประจำสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 27 พฤษภาคม ระบุว่ายอดผลผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 909,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ 78% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยราว 1 ใน 3 ของผลิตข้าวโพดถูกใช้ในการผลิตเอธานอล
ตลาดถั่วเหลืองก็ได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่ชื้นแฉะและการอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลลาร์เช่นเดียวกัน ขณะที่รายงานของ USDA บ่งชี้ว่า การเพาะปลูกได้แล้วเสร็จไปเพียง 51% เท่านั้น เมื่อเทียบกับ 71% ในช่างเวลาเดียวกันของปีก่อน สำนักข่าวซินหัวรายงาน