สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะตัดสินใจปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมวันพุธนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกให้เคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้เช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.21 ดอลลาร์ หรือมากกว่า 1% ปิดที่ 99.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 98.64-100.68 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.18% ปิดที่ 114.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้ในสัดส่วน 40% ของผลผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก จะปรับเพิ่มเพดานการผลิตในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันพุธที่ 8 มิ.ย.นี้ ขณะเดียวกันมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียจะผลักดันให้กลุ่มโอเปคปรับเพิ่มโควต้าการผลิตน้ำมันในการประชุมในวันพุธนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกให้เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก
มกุฏราชกุมาร อัลวาลีด บิน ตาลาล แห่งซาอุดิอาระเบียกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อไม่นานมานี้ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ระดับ 70 - 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับซาอุดิอาระเบีย และทำให้สหรัฐและยุโรปไม่ต้องเร่งพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่
"การที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นมากไปจะทำให้ชาติตะวันตกแสวงหาแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่ ซึ่งเราไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น ราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 70 - 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับซาอุดิอาระเบีย และทำให้สหรัฐและยุโรปไม่ต้องเร่งพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่" มกุฏราชกุมารอัลลาวีดกล่าว
เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปคอาจจะปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการทั่วโลกที่สูงขึ้น และเพื่อเป้าหมายที่จะฉุดสัญญาน้ำมันดิบในตลาดโลกให้ปรับตัวลดลง
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดว่า อัตราการขยายตัวของความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกจะชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิซึ่งเกิดขึ้นในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากบริษัททรานส์แคนาดา คอร์ป ระบุว่า ท่อส่งน้ำมัน" Keystone Pipeline" ของบริษัทสามารถลำเลียงน้ำมันได้ตามปกติ หลังจากที่ต้องระงับการดำเนินการในช่วงก่อนหน้านี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบรอยรั่วตรงบริเวณจุดเชื่อมต่อในรัฐแคนซัส
ท่อส่งน้ำมัน Keystone Pipeline มีความยาว 2,080 กิโลเมตร สามารถลำเลียงน้ำมันได้ประมาณ 500,000 บาร์เรลต่อวันจากอัลบาเนียไปยังสหรัฐ โดยมีจุดสิ้นสุดที่เมืองคุชชิงในรัฐโอกลาโฮมาของสหรัฐ ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันตามสัญญาในตลาด NYMEX
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 มิ.ย. ซึ่ง EIA จะในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้คาดว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1%