สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้ยุโรปอาจส่งผลให้อุปสงค์พลังงานหดตัวลงด้วย หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลง 3 ขั้น พร้อมกับแสดงความกังวลว่ากรีซอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข่าวที่ว่าซาอุดิอาระเบียเตรียมเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการเพิ่มเพดานการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2.0% ปิดที่ 97.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
แต่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ดีดตัวขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 119.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงอย่างรุนแรง หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซลง 3 ขั้น สู่ระดับ CCC จากระดับ B พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็น "เชิงลบ" พร้อมกับเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่กรีซจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถืออีกใน 12-18 เดือนข้างหน้า เนื่องจากกรีซมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
ข่าวเอสแอนด์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนและถูกกดดันอย่างหนัก และยังทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบหลังจากหนังสือพิมพ์อัล-ฮายัตของซาอุดิอาระเบียรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน 13% เป็น 10 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับปัจจุบันที่ 8.8 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งล่าสุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ส่วนต่างระหว่างสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.8 ดอลลาร์ โดยตลาดน้ำมันนิวยอร์กเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยด้านอุปทานทั้งภายในและต่างประเทศ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์ในต่างประเทศและปัจจัยด้านอุปสงค์-อุปทานทั่วโลก
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะร่วงลง 1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.3%