สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกัวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและปัญหาหนี้ยุโรป อาจทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ขยับขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 93.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 91.14-93.49 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปัจจัยที่ทำให้สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการทำสเปรดก่อนที่สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนก.ค.จะครบกำหนดส่งมอบในวันอังคาร และจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและปัญหาหนี้ยุโรป โดยมีรายงานว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนได้ตัดสินใจเลื่อนการเบิกจ่ายเงินงวดใหม่มูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโร (1.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ของกรีซออกไปเป็นช่วงกลางเดือนก.ค.จนกว่ารัฐบาลกรีซจะใช้มาตรการคุมเข้มด้านการคลังและแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเดิมทีนั้น การเบิกจ่ายเงินกู้ดังกล่าวได้ถูกกำหนดว่าจะส่งมอบให้กรีซในเดือนมิ.ย. แต่การเบิกจ่ายได้ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากกรีซยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการใช้มาตรการรัดเข็มขัด
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กนับตั้งแต่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซลง 3 ขั้น สู่ระดับ CCC จากระดับ B และประกาศคงแนวโน้มความเชื่อถือระยะยาวของกรีซเป็น "เชิงลบ" ซึ่งหมายความว่ากรีซมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีกในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องกรีซมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 500,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.6%