ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันวานนี้ (22 มิ.ย.) ราคาสัญญาธัญพืชปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากแรงขายของกองทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสภาพอากาศในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 30 เซนต์ หรือ 4.4% ปิดที่ 6.5025 ดอลลาร์/บุชเชล ในขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 32.25 เซนต์ หรือ 4.6% ปิดที่ 6.7325 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 17.25 เซนต์ หรือ 1.3% มาปิดที่ 13.325 ดอลลาร์/บุชเชล
เทอร์รี ร็อกเกนแซค ประธานร่วมบริษัทเดอะ ไฮทาวเวอร์ รีพอร์ท กล่าวว่า ตลาดธัญพืชได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายจำนวนมากของกองทุนในช่วงก่อนการรายงานข้อมูลซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
"สภาพอากาศโดยทั่วไปมีความไม่แน่นอนในระยะยาว โดยมีการพยากรณ์ว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดบางแห่งจะมีอุณหภูมิที่สูงมากในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ณ วันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดข้าวโพด" นายร็อกเก็นแซ็คกล่าว
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์บางรายเชื่อว่า การพยากรณ์สภาพอากาศที่ว่าจะมีสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมจะเป็นเพียงระยะสั้นๆนั้น จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาข้าวโพดและถั่วเหลือง
นายร็อกเกนแซคระบุว่า ราคาข้าวโพดปรับตัวขึ้นถึง 6-7 เซนต์เมื่อคืนนี้ กองทุนจะเริ่มเทขายสัญญาธัญพืชทุกประเภท โดยแรงเทขายเพิ่มมากขึ้นไปจนถึงช่วงเที่ยงวัน และกระตุ้นให้เกิดการเทขายไปตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ นายร็อกเกนแซคกล่าวเสริมว่า "เทรดเดอร์ได้ให้น้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการใช้ข้าวสาลีสำหรับเลี้ยงปศุสัตว์จะเพิ่มขึ้นในทั่วโลก"
ในขณะเดียวกัน การที่จีนไม่ได้ยืนยันคำสั่งซื้อนั้น ถือเป็นปัจจัยลบต่อข้าวโพด และการแข็งของเงินสกุลดอลลาร์ยังเพิ่มความกดดันต่อตลาดข้าวโพด สำนักข่าวซินหัวรายงาน