ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันวานนี้ (28 มิ.ย.) ราคาสัญญาสินค้าเกษตรปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะได้รับแรงหนุนจากสภาวะการเพาะปลูกพืชผลที่ย่ำแย่และการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ ในขณะที่ตลาดข้าวโพดและถั่วเหลืองต่างก็ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดพลังงาน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 22.25 เซนต์ หรือ 3.4% ปิดที่ 6.83 ดอลลาร์/บุชเชล ในขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 17.5 เซนต์ หรือ 2.8% ปิดที่ 6.4025 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 13.3075 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า สภาวะการเพาะปลูกพืชผลที่ย่ำแย่ ประกอบกับการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์และการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดพลังงานช่วยหนุนตลาดสินค้าเกษตรดีดตัวขึ้นถ้วนหน้า นอกจากนี้ กระแสข่าวลือเกี่ยวกับซื้อคำสั่งซื้อจำนวนมากยังเป็นแรงหนุนต่อตลาดข้าวโพดและข้าวสาลีอีกด้วย กระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) รายงานว่า มีข้าวโพดที่ได้รับการจัดอันดับในเกรดที่ดี/ดีมากเพียง 68% เท่านั้น ในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 26 มิถุนายน ลดลงจาก 70% ที่ได้รับในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และ 73% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ข้าวสาลีและถั่วเหลืองยังได้รับเกรดที่ดี/ดีมาก เพียง 69% และ 65% ตามลำดับ ซึ่งต่างก็เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าสถิติในช่วงก่อนหน้านี้
ราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กปิดตลาดเมื่อวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.28 ดอลลาร์ แตะที่ 92.89 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยต่อทั้งตลาดข้าวโพดและถั่วเหลือง
ในขณะเดียวกัน ข่าวการเพาะปลูกที่ล่าช้าช่วยหนุนตลาดข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดย USDA รายงานว่า ณ วันที่ 26 มิถุนายน การเพราะปลูกข้าวสาลีได้เสร็จสิ้นไปแล้ว 95% เมื่อเทียบกับ 100% ในปีก่อน โดยรัฐนอร์ทดาโกต้าได้เพาะปลูกเสร็จสิ้นไปแล้วเพียง 90% และอาจมีพื้นที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง 710,000 เอเคอร์ในปีนี้
ส่วนตลาดถั่วเหลืองได้รับแรงหนุนจากการสกัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในจีน แต่เทรดเดอร์ยังคงมองว่าสภาพอากาศที่ดีในเขตมิดเวสต์ในช่วงอีก 2-3 สัปดาห์หน้ายังเป็นปัจจัยลบและสกัดการเพิ่มขึ้นของราคา สำนักข่าวซินหัวรายงาน