สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ ( EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 มิ.ย.ร่วงลง 4.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 359.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 600,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 213.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สู่ระดับ 142.3 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 1.1% สู่ระดับ 88.1% ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
สต็อกน้ำมันดิบข้างต้นไม่นับรวมกับคลังยุทธภัณฑ์สำรอง (Strategic Petroleum Reserve - SPR) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 727 ล้านบาร์เรล โดยรัฐบาลจะระบายคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ออกสู่ตลาดภายในประเทศก็ต่อเมื่อเกิดภาวะอุปทานตึงตัวที่เป็นผลมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานสหรัฐประกาศว่า สหรัฐจะระบายน้ำมัน 30 ล้านบาร์เรลออกจากคลัง SPR เพื่อรับมือกับภาวะขาดแคลนพลังงานอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเงินในตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ โดยเฉพาะลิเบีย
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศว่าจะระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง โดยจะทยอยการระบายน้ำมันออกจากคลังวันละ 2 ล้านบาร์เรลติดต่อกันเป็นเวลา 30 วัน เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานพลังงานตึงตัว อันเป็นผลมาจากสถานการณ์รุนแรงในลิเบีย และเพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำนักข่าวซินหัวรายงาน