สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด
สัญญน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.47 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่96.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 95.60-99.18 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวลง 26 เซนต์ ปิดที่ 118.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนมองว่า ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนจะส่งผลให้ความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐลดน้อยลงด้วย และจะทำให้ผู้บริโภคจำกัดการใช้ยานยนต์และลดการเดินทางพักผ่อนในช่วงวันหยุด เพราะจำเป็นต้องประหยัดการใช้จ่ายในช่วงที่ตลาดแรงงานยังไม่แน่นอน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ประจำเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 18,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน และยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 90,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.2% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 9.1% โดยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9%
สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งสหรัฐ (AAA) ร่วมกับไรท์ เอ็กซ์เพรส แอนด์ ออยล์ไพรซ์ อินฟอร์เมชัน เซอร์วิส เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการทั่วประเทศสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.594 ดอลลาร์/แกลลอน (3.8 ลิตร) เมื่อวันศุกร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาน้ำมันเบนซินในช่วงฤดูร้อนปีนี้จะเคลื่อนไหวในช่วง 3.25-3.75 ดอลลาร์/แกลลอน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากข้อมูลด้านแรงงานที่อ่อนแอแล้ว สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ยังร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า ผลผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 530,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนพ.ค. เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอารเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่สุดของโอเปค ปรับตัวเพิ่มขึ้น 450,000 บาร์เรลต่อวัน