สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลงเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าความแข็งแกร่งของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน และหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดพร้อมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง
สัญญน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดบวก 62 เซนต์ หรือ 0.64% แตะที่ 98.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนส.ค.ปิดบวก 91 เซนต์ แตะที่ 117.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ค.ร่วงลง 3.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 355.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรล สู่ระดับ 211.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้น 3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 145.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 600,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.4% สู่ระดับ 88.0% สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ส่วนอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นมาจากการที่เบอร์นันเก้ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม หรือ QE3 หากเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง รวมทั้งกำหนดเวลาอย่างชัดเจนว่าจะใช้นโยบายตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเวลานานเท่าใด
การส่งสัญญาณใช้มาตรการ QE3 ของเบอร์นันเก้ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2554 ขยายตัว 9.5% ขณะที่ผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 14.3% และยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 16.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกในปี 2554 อีก 250,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 89.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งรายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก EIA และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ โอเปคคาดว่า ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกในปี 2554 จะเพิ่มขึ้น 1.36 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 88.18 ล้านบาร์เรล ส่วน IEA คาดว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.6% ในปีนี้ สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 88.16 บาร์เรล/วัน เนื่องจากความต้องการพลังงานในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ยังคงแข็งแกร่ง