ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ก.ค.) สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังการพยากรณ์สภาพอากาศระบุว่า อากาศที่ร้อนและอบอ้าวอาจทำให้ผลผลิตธัญพืชในเขตมิตเวสต์ของสหรัฐได้รับความเสียหาย
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.5 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 6.85 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย.ร่วง 12.5 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 6.9475 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 13.87 ดอลลาร์/บุชเชล
ทั้งนี้ สัญญาถั่วเหลืองได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันอย่างยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 ส่วนสัญญาข้าวโพดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน
เทรดเดอร์กล่าวว่า ทั้งข้าวโพดและถั่วเหลืองต่างก็ได้รับแรงหนุนอย่างแข็งแกร่งจากการพยากรณ์ถึงสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองที่สำคัญ โดยการพยากรณ์สภาพอากาศบ่งชี้ว่า จะมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ 12 องศาฟาห์เรนไฮต์ในช่วงอีกหลายวันต่อจากนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีข้าวโพด 46% และ ถั่วเหลือง 44% กำลังเผชิญกับสภาพผิวดินที่แห้งกว่าปกติ และสภาพเช่นนี้อาจยืดเยื้อออกไปจนถึงเดือนสิงหาคม โดยข้าวโพดเป็นสินค้าธัญพืชที่สำคัญที่สุดของสหรัฐ คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.67 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2553 ตามมาด้วยถั่วเหลือง 3.89 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนตลาดข้าวสาลีได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องต่อจากวันก่อนเนื่องจากแรงเทขายทำกำไร และบรรยากาศที่อ่อนแรงลงในช่วงก่อนวันหยุด
นอกจากนี้ ตลาดข้าวสาลียังได้รับผลกระทบจากการรายงานข่าวเกี่ยวกับอียิปต์ได้สั่งซื้อข้าวสาลีจากรัสเซียจำนวน 180,000 ตัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน