สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องความขัดแย้งในการเพิ่มเพดานหนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์ที่ว่าสำนักงานพลังงานสากล (IEA) อาจจะระบายน้ำมันออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเพิ่มเติมและความกังวลเรื่องการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันร่วงลงด้วย
สัญญน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 95.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 94.69-97.69 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนรูดลง 1.21 ดอลลาร์ สู่ 116.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 114.66 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากปัญหาหนี้สหรัฐและยุโรป แม้ผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ระบุว่ามีธนาคารยุโรปเพียง 8 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบก็ตาม นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศที่ปัญหาหนี้อย่างอิตาลีและโปรตุเกส ยังได้เพิ่มความกังวลให้กับตลาดด้วย
นักลงทุนกังวลว่าสหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้ หากรัฐสภาสหรัฐและคณะทำงานของโอบามาไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนวันที่ 2 ส.ค. ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวและระยะสั้นของสหรัฐ พร้อมกับเตือนว่าอาจจะลดอันดับเครดิตหนึ่งขั้นหากยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า IEA อาจระบายน้ำมันดิบออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเพิ่มขึ้นอีก หลังจากประกาศไปเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ว่าจะระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลัง โดย IEA จะประเมินผลกระทบจากแผนการระบายน้ำมันในเดือนมิ.ย.ภายในเวลา 30 วัน ซึ่งหมายความว่าช่วงเวลาในการประเมินจะสิ้นสุดลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจจะร่วงลง 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจจะพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.3%