สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าปัญหาการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐและวิกฤตหนี้ยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงาน
สัญญน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดลบ 64 เซนต์ หรือ 0.7% แตะที่ 98.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 96.64-99.02 ดอลลาร์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนส.ค.ได้รับกำหนดส่งมอบแล้ว ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนก.ย.ปิดที่ 98.40 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.55% หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 96.93-99.37 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 118.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ค.ร่วงลง 3.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 7 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันเบนซินสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล
รายงานสต็อกน้ำมันดิบของ EIA ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรงพลังงานสหรัฐนั้น มีขึ้นหลังจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นองค์กรด้านพลังงานของภาคเอกชนเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.2 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.2%
ทั้งนี้ แม้สัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนบวก แต่ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาเตือนว่า สหรัฐเหลือเวลาอีกไม่มากนักเนื่องจากกำหนดเส้นตายของการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในวันที่ 2 ส.ค.กำลังใกล้เข้ามา ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า สหรัฐอาจจะต้องผิดนัดชำระหนี้หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 2 ส.ค. หลังจากที่ตัวเลขหนี้สินของสหรัฐพุ่งชนเพดานที่ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 พ.ค.
นักลงทุนจับตาดูการประชุมฉุกเฉินของกลุ่มผู้นำยูโรโซนในวันพฤหัสบดีนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมอาจจะบรรลุข้อตกลงเรื่องแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่ หลังจากที่กรีซได้รับความช่วยเหลือรอบแรกไปแล้วกว่า 1.10 แสนล้านยูโร (1.56 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อปีที่แล้ว