สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) หลังจากผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบสอง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน รวมถึงเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) และแมคโนนัลด์
สัญญน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก 74 เซนต์ แตะที่ 99.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับ 100.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 118.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประชุมผู้นำยูโรโซนมีมติให้ความช่วยเหลือกรีซรอบที่ 2 เป็นวงเงินทั้งสิ้น 1.09 แสนล้านยูโร โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมวิกฤติหนี้ในยูโรโซนที่ยืดเยื้อมานานถึง 18 เดือน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเปิดทางให้ภาคเอกชนเข้ามีส่วนในการแก้ปัญหาหนี้กรีซโดยสมัครใจ โดยประมาณการว่า ภาคเอกชนจะช่วยรับภาระการแก้ปัญหาหนี้กรีซมูลค่า 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลของกรีซลงสู่ระดับผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากแผนการใหม่ของยูโรโซนที่ขอให้ธนาคารพาณิชย์หรือภาคเอกชนมาร่วมแบ่งเบาภาระในการช่วยเหลือกรีซ โดยฟิทช์มองว่า การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ธนาคารเหล่านั้นขาดทุน ฟิทช์จึงจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซสู่ระดับ "ผิดนัดชำระหนี้ในวงจำกัด" (restricted)
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน รวมถึงเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) และแมคโนนัลด์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมีกำลังที่จะจับจ่ายใช้สอย
แต่อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยที่สกัดแรงบวกของตลาด หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาเตือนว่า สหรัฐเหลือเวลาอีกไม่มากนักเนื่องจากกำหนดเส้นตายของการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในวันที่ 2 ส.ค.กำลังใกล้เข้ามา ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า สหรัฐอาจจะต้องผิดนัดชำระหนี้หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 2 ส.ค. หลังจากที่ตัวเลขหนี้สินของสหรัฐพุ่งชนเพดานที่ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 พ.ค.