ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ค.) สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการพยากรณ์อากาศบ่งชี้ว่า อาจเกิดคลื่นความร้อนและสภาพอากาศที่แห้งแล้งอีกครั้งในสัปดาห์หน้า แต่สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวลดลงเนื่องจากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์และราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.75 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 6.915 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย.พุ่ง 10.75 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 7.0475 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 8.25 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 13.805ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ในตลาดตั้งข้อสังเกตว่า อุณหภูมิในเขตมิดเวสต์อาจจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งและอาจทำลายผลผลิตธัญพืชที่กำลังขาดความชุ่มชื้นได้ โดยการพยากรณ์สภาพอากาศบ่งชี้ว่า อุณหภูมิในเขตมิดเวสต์อาจจะสูงกว่าระดับปกติถึง 8 องศาฟาห์เรนไฮต์ในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ฝนที่ตกในรัฐอิลลินอยเมื่อวานนี้ยังมีปริมาณไม่มากพอที่จะช่วยบรรเทาพืชที่เพาะปลูกในเขตภาคกลางของรัฐที่พืชมีภาวะการเติบโตที่ดีลดลงในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ได้
ทั้งนี้ ทั้งข้าวโพดและข้าวสาลีต่างก็พุ่งปิดในระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน และ 14 กรกฎาคม เป็นต้นมาตามลำดับ ถึงแม้ว่าเงินสกุลดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นและตลาดโลหะและน้ำมันดิบปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ข้าวโพดยังได้รับแรงหนุนจากยอดการผลิตเอทธานอลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลสถิติบ่งชี้ว่า ยอดการผลิตเอทธานอลประจำสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 22 กรกฎาคม แตะที่เฉลี่ย 874,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.11% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และเพิ่มขึ้น 7.11% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในขณะเดียวกัน ฝนที่ตกหนักในช่วงการเก็บเกี่ยวในยุโรป ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลในเรื่องคุณภาพ และการคาดการณ์ที่ว่า ผู้ซื้อจากเอเชียจะกลับเข้ามายังตลาดเพื่อรักษาะระดับอุปทานในประเทศในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้น เป็นปัจจัยที่หนุนตลาดข้าวสาลีให้ปรับตัวขึ้นด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ถั่วเหลืองปรับตัวลดลงในระดับปานกลางเนื่องจากเทรดเดอร์มองว่า การแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์และการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบถือเป็นปัจจัยลบต่อตลาด สำนักข่าวซินหัวรายงาน