สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐและจีน หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐและจีนชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนก.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดลบ 81 เซนต์ หรือ 0.85% แตะที่ 94.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 98.57-93.42 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ขยับขึ้น 7 เซนต์ ปิดที่ 116.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้น สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่าผู้นำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตสามารถบรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลกลางสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงในช่วงบ่าย หลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า การชะลอตัวของภาคการผลิตอาจจะทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย โดยเมื่อวานนี้สมาพันธ์ลอจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีน (CFLP) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.ขยายตัวที่ระดับ 50.7 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 29 เดือน
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 50.9 จุด ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัว 55.3 จุด และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 54.9 จุด
ดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงอย่างมากของสหรัฐได้สร้างแรงกดดันให้กับตลาดน้ำมันนิวยอร์ก หลังจากที่ตลาดได้รับปัจจัยลบอยู่ก่อนแล้วจากรายงานที่ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐขยายตัวเพียง 1.3% ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 1.8% เนื่องจากการบริโภคส่วนบุคคลชะลอตัวลง
นักลงทุนจับตาดูผลการลงมติร่างกฎหมายการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันอังคารที่ 2 ส.ค.ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่นักลงทุนบางกลุ่มกังวลว่า หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้ก่อนเวลาดังกล่าว ก็จะทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้และถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะทรงตัว และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะทรงตัว