สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แม้วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปรับเพิ่มเพดานหนี้แล้วก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 93.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.30% ปิดที่ 116.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แม้วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปรับเพิ่มเพดานหนี้เมื่อคืนนี้ แต่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลขยับขึ้นเพียง 0.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว
การหดตัวของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคถือเป็นข้อมูลที่ตอกย้ำถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐขยายตัวเพียง 1.3% ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 1.8% และดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.ของสหรัฐขยายตัวเพียง 50.9 จุด ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัว 55.3 จุด
นอกเหนือจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐแล้ว ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงจีนและยุโรป โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางการจีนเปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.ขยายตัวที่ระดับ 50.7 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 29 เดือน ขณะที่ทางการยุโรปรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริหารและผู้บริโภคในยูโรโซน ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 103.2 จุด จากระดับในเดือนมิ.ย.ที่ 105.4 จุด ซึ่งถือเป็นสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2553
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมาสเตอร์การ์ด สเปนดิงพัลส์เปิดเผยรายงานประจำสัปดาห์ว่า ยอดขายน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการทั่วประเทศของสหรัฐ ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันพยายามลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในช่วงที่เศรษฐกิจและตลาดแรงงานยังอยู่ในภาวะเปราะบาง
นักวิเคราะห์จาก PFGBest กล่าวแสดงความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีก นอกเสียจากว่าจะมีปัจจัยหนุนในระยะใกล้ รวมถึงผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะทรงตัว และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะทรงตัว
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานหลังจากตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐ ร่วงลง 3.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ API ระบุว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.9%