สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังจากที่นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป และหลังจากที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 86.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เพิ่มขึ้น 4.78 เซนต์ ปิดที่ 2.9417 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 6.8 เซนต์ ปิดที่ระดับ 2.8052 ดอลลาร์/แกลลอน
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ย.ดีดตัวขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 109.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนส่งแรงซื้อเข้ามาในตลาดน้ำมันหลังจากที่ราคาสัญญาร่วงลงอย่างหนักเกือบ 6% ในการซื้อขายวันก่อน ขณะที่ในช่วงเช้าตลาดมีการซื้อขายที่ซบเซาเนื่องจากนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลในประเด็นหนี้ยุโรปที่กำลังขยายวงกว้างลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ตลอดจนมีความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอยอีกระลอก แม้ว่าจะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ที่พุ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก็ตาม
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 117,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนที่ระดับ 46,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 85,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.1% จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 9.2%
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาสัญญาน้ำมันสามารถดีดตัวขึ้นมาได้ในช่วงปิดตลาด หลังจากที่อิตาลีให้คำมั่นว่าจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการกำหนดให้รัฐบาลปรับปรุงตัวเลขดุลงบประมาณให้ดีขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แสดงความพร้อมที่จะดำเนินการซื้อพันธบัตรอิตาลี
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้สัญญาน้ำมันดิบปิดดีดตัวขึ้นด้วย