สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังช่วยกระตุ้นภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX ให้คึกคักขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.50 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 87.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นนิวยอร์ก อันเนื่องมาจากข่าวควบรวมกิจการของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงข่าวกูเกิลเสนอซื้อกิจการโมโตโรลา โมบิลิตี้
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้ปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นหลังจากสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่น หดตัวลง 1.3% ต่อปี ทำสถิติหดตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาส แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำนักข่าวเกียวโดคาดว่าจะหดตัวลง 2.6% ต่อปี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป ก่อนที่นางแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะจัดการประชุมร่วมกันในวันอังคาร เพื่อหารือกันเกี่ยวกับวิกฤตหนี้และปัญหาด้านการเงินของธนาคารในยุโรป ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าผลการประชุมจะเป็นไปในทางที่ดี
นักลงทุนติดตามดูสถานการณ์ความรุนแรงในลิเบีย หลังจากพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย เรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนจับอาวุธลุกขึ้นต่อสู้กับกลุ่มผู้ต่อต้าน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจจะลดลง 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจจะลดลง 0.5%