ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (25 ส.ค.) สัญญาข้าวสาลีดีดกลับมาปิดบวก เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในเขตเกรทเพลนส์ของสหรัฐอาจสร้างความเสียหายต่อการเพาะปลูกข้าวสาลีในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่ข้าวโพดและถั่วเหลืองปิดเกือบทรงตัว หลังมีการซื้อขายที่ผันผวน 2 วันติดต่อกัน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 7.435 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่ง 10.5 เซนต์ หรือ 1.35% ปิดที่ 7.8775 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 0.75 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 13.9275 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า การขาดแคลนน้ำฝนมาช่วยบรรเทาภัยแล้งในภาคใต้ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีในช่วงฤดูหนาวนั้น นับเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาข้าวสาลี
สำนักงานพยากรณ์สภาพอากาศคาดว่า ภาคใต้ของเขตเกรทเพลนส์อาจมีฝนตกเพียงประปรายไปจนถึงวันที่ 30 สิงหาคมนี้ โดยส่วนมากฝนจะตกในซีกภาคเหนือ ส่วนพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐแคนซัส โอคลาโฮมา และ เท็กซัส ซึ่งเป็นเหล่งเพาะปลูกข้าวสาลีรายใหญ่ทั้ง 3 รัฐ คาดว่าจะประสบกับภัยแล้งที่รุนแรง โดยหน่วยงานติดตามภัยแล้งของสหรัฐ มหาวิทยาลัยเนบราสกา ในเมืองลินคอล์น ระบุว่ามีภาวะภัยแล้งที่รุนแรงที่สุด
ในขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกสุทธิประจำสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 18 สิงหาคมของข้าวสาลีอยู่ที่ 347,100 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการคาดการณ์และเพิ่มแรงกดดันต่อบรรยากาศได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองจะยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องเพราะได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งในเขตมิดเวสต์ แต่อุปสงค์สินค้าส่งออกของสหรัฐในตลาดโลกกำลังชะลอตัวลงเนื่องจากราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาซื้อขายของสินค้าทั้งสองรายการปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลง
รายงานของ USDA บ่งชี้ว่า ยอดส่งออกสุทธิประจำสัปดาห์สำหรับข้าวโพดอยู่ที่ 536,100 ตัน ซึ่งเป็นระดับเกือบต่ำสุดของการคาดการณ์ ส่วนยอดส่งออกถั่วเหลืองอยู่ที่ 657,600 ตัน ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการคาดการณ์เช่นเดียวกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน