ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 ส.ค.) สัญญาธัญพืชปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าผลผลิตธัญพืชอาจตกต่ำเนื่องจากสภาพอกากศที่ร้อนและแห้งแล้งในเขตมิดเวสต์และเกรทเพลนส์ของสหรัฐ โดยราคาข้าวโพดพุ่งแตะสถิติสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ ในขณะที่ราคาถั่วเหลืองพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่ง 23.5 เซนต์ หรือ 3.16% ปิดที่ 7.67 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่ง 9.25 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 7.97 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่ง 30.75 เซนต์ หรือ 2.2% ปิดที่ 14.235 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า สินค้าผลิตภัณฑ์การเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังมีแรงซื้อจำนวนมากจากกองทุน ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าสมาคมวิชาชีพทางการเกษตรแห่งสหรัฐ อาจจะประเมินยอดผลผลิตที่ตกต่ำลง
จดหมายข่าวของสมาคมวิชาชีพทางการเกษตรแห่งสหรัฐระบุว่า เกษตรกรสหรัฐผลิตข้าวโพดได้ 12.484 ล้านบุชเชลในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการประมาณการของกระทรวงเกษตรสหรัฐอยู่ประมาณ 3.3% โดยเจ้าหน้าที่ของสมาคมได้ประเมินหลังจากการสำรวจพืชในเขตมิเวสต์เป็นเวลา 4 วัน
นอกจากนี้ ภัยแล้งในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐยังอาจสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตอีกด้วย โดยรัฐไอโอวา อิลลินอยส์ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุด มีสภาพอากาศที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2498 และเดือนสิงหาคมยังมีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าระดับปกติอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน เทรดเดอร์ยังคาดว่า ทั้งข้าวโพดและถั่วเหลืองอาจมีภาวะการเติบโตลดลง 1-2% ในสัปดาห์นี้ โดยข้าวโพดอาจมีภาวะการเติบโตที่ดี-ดีมากระหว่าง 55-56% ส่วนถั่วเหลืองอาจจะอยู่ที่ 57-58%
นอกจากนี้ ตลาดข้าวสาลียังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับปรากฎการณ์ ลา นิญญา ในเขตเกรทเพลนส์ ในขณะที่การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของธัญพืชอื่นๆ ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศที่เป็นบวกอีกต่อตลาดอีกด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน