สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) ขานรับรายงานที่ว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมเฟดเดือนหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดบวก 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.23% แตะที่ 87.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.55-85.11 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.47% แตะที่ 111.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 110.53-112.73 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. มากกว่าเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดส่งสัญญาณในที่ประชุมธนาคารกลางโลกที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เฟดอาจจะมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในการประชุมเฟดเดือนหน้านี้ หลังจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวเพียง 1% น้อยกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.3%
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ที่ระบุว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลง 1.3% สู่ระดับ 89.7 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 90.9%
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆที่มีอิทธิพลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX นั้น รวมถึงสถานการณ์ในลิเบีย โดยมีรายงานว่าสถานการณ์รุนแรงในลิเบียยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากกลุ่มกบฎเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองทริโปลี ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พายุเฮอริเคนไอรีนได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสียหายในเขตกัลฟ์โคสต์
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจทรงตัวที่ระดับเดิม