สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าพายุโซนร้อน "เคเทีย" ได้ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกและคาดว่าจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนในช่วงเย็นวันพุธ ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าพายุเคเทียอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมเดือนก.ย.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดบวก 1.63 ดอลลาร์ หรือ 1.87% แตะที่ 88.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.14 ดอลลาร์ หรือ 1.91% ปิดที่ 114.02 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพื่อเก็งกำไร หลังจากมีรายงานว่า พายุโซนร้อนเคเทียได้ก่อตัวขึ้นแล้วในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยเคลื่อนตัวด้วยกำลังลม 1,010 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในขณะเคลื่อนตัวไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะเคปเวิร์ด โดยคาดว่าพายุเคเทียจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนในวันพุธหรือวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่กังวลว่าพายุเคเทียอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบของสหาฐ
นักวิเคราะห์จากออยล์ไพรซ์ อินฟอเมชัน เซอร์วิสกล่าวว่า นักลงทุนจับตาดูทิศทางโคจรของพายุเคเทียอย่างใกล้ชิด หลังจากอิทธิพลของพายุเฮอริเคน "ไอรีน" ได้คร่าชีวิตประชาชนในสหรัฐไปกว่า 20 คน และสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนมากกว่า 4.5 ล้านหลังคาเรือน นอกจากนี้ พายุไอรีนยังทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในเมืองแมนฮัทตัน และทำให้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คัลเวิร์ต คลิฟฟ์ ในรัฐแมรีแลนด์ หยุดทำงานโดยอัตโนมัติ แต่ยังไม่มีรายงานว่าเกิดเหตุอันตรายต่อพนักงานหรือประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้าดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับขอบข่ายการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมเดือนก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไม่มากนัก ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 44.5 จุดในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552 เนื่องจากชาวอเมริกันวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มรายได้และการจ้างงาน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจทรงตัวที่ระดับเดิม
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐในคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 75,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 117,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.1%