ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ส.ค.) สัญญาถั่วเหลืองพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี และปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากตลาดคาดว่าสภาพอากาศที่แห้งแล้งในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐอาจสร้างความเสียหายต่อผลผลิตพืช ในขณะที่สัญญาข้าวโพดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แต่สัญญาข้าวสาลีลดลงเป็นวันที่ 2
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.25 เซนต์ หรือ 0.68% ปิดที่ 7.7525 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 7.9075 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 14.57 ดอลลาร์/บุชเชล
ทั้งข้าวโพดและถั่วเหลืองต่างก็ได้รับแรงหนุนจากการพยากรณ์สภาพอากาศที่บ่งชี้ว่า พื้นที่กว่า 1 ใน 4 ของเขตมิดเวสต์ของสหรัฐจะยังคงแห้งแล้งเกินกว่าที่พืชจะมีการเติบโตที่สมบูรณ์ในช่วงอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งคาดว่าอาจจะสร้างความเสียหายต่อผลผลิตธัญพืชทั้งสองชนิดในปีหน้า
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์กล่าวว่า การขาดแคลนปริมาณน้ำฝนในภาคเหนือและภาคกลางของบราซิลยังทำให้ผิวดินขาดความชุ่มชื้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังไม่ดีขึ้นในช่วงก่อนเริ่มการเพาะปลูกในกลางเดือนกันยายนนี้ พร้อมกับเสริมว่านักลงทุนมีความวิตกว่าสภาพอากาศที่แห้งแล้งในบราซิลและอาร์เจนตินาอาจทำให้อุปทานถั่วเหลืองในตลาดโลกลดลง โดยบราซิลและอาร์เจนตินาเป็นประเทศผู้ผลิตถั่วเหลืองรายใหญ่รองจากสหรัฐตามลำดับ
นอกจากนี้ ภาวะการเติบโตของพืชที่ลดลงในรัฐที่เป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญยังเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดข้าวสาลีได้รับผลกระทบจากภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในระหว่างวัน เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าอาจมีฝนตกในพื้นที่ที่แห้งแล้งในภาคใต้ของเขตเกรทเพลนส์ในสัปดาห์หน้า ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวได้กระตุ้นแรงเทขาย สำนักข่าวซินหัวรายงาน