สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าพายุ "แคเทีย" ได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนแล้ว และคาดว่าจะมีพายุลูกใหม่ๆก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าอิทธิพลของพายุอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังจากสหรัฐและยุโรปเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ขยับขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 88.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 88.21-89.90 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 56 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 114.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 113.61-115.36 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ดีดตัวขึ้นหลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า พายุแคเทียได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนแล้ว โดยพายุเคลื่อนตัวอยู่ห่างจากหมู่เกาะลีเวิร์ดในทะเลแคริบเบียนไปทางทิศตะวันออกราว 1,285 ไมล์ (2,070 กิโลเมตร) มีความเร็วลมสูงสุด 74 ไมล์/ชั่วโมง
นอกจากนี้ ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า หย่อมความกดอากาศต่ำในพื้นที่ตอนกลางของอ่าวเม็กซิโกทำให้มีโอกาสสูงถึง 70% ที่จะส่งผลให้มีพายุลูกใหม่ๆก่อตัวขึ้นในอีก 2-3 วันข้างหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลให้กับบริษัทพลังงาน เพราะเกรงว่าอิทธิพลของพายุจะสร้างความเสียหายต่อสายการผลิตและแท่นขุดเจาะน้ำมัน
บริษัทน้ำมันบีพี พีแอลซี ของอังกฤษ ได้เริ่มอพยพคนงานที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำหน้าที่ในบริเวณดังกล่าวกว่า 500 คนออกจากแท่นขุดเจาะในพื้นที่เซาท์เทิร์น กรีน แคนยอนแล้ว และพร้อมระงับการดำเนินงานรวมถึงอพยพคนงานทั้งหมดหากจำเป็น ขณะที่บริษัท อนาดาร์โก ปิโตรเลียม คอร์ป จากเท็กซัส ก็อพยพคนงานที่ไม่จำเป็นจากแท่นขุดเจาะในกันนิสัน แนนเซ่น และบูมแวง บริเวณอ่าวฝั่งตะวันตกแล้ว
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐและยุโรป โดยสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 50.6 จุด ซึ่งลดลงจากเดือนก.ค.ที่ระดับ 50.9 จุด ส่วนประสิทธิภาพการผลิตของสหรัฐร่วงลง 0.7% ในไตรมาส 2 ปี ซึ่งเป็นการลดลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2551 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียง 0.5%
นอกจากนี้ มาร์กิต อิโคโนมิครายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตในยูโรโซนร่วงลงแตะ 49 จุด จากระดับ 50.4 จุด ในเดือนก.ค. โดยตัวเลขเดือนส.ค.ต่ำกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 49.7 จุด และถือเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.1%