สัญญาซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรล่วงหน้าในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต้าเหลียนและเจิ้งโจวปิดตลาดวันนี้ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นในต่างประเทศร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซา
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในประเทศจะยังคงซื้อขายในกรอบแคบๆ ก่อนที่จะมีรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจออกมาช่วงต้นเดือนก.ย.นี้
สัญญาล่วงหน้าน้ำตาลที่มีการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจวร่วงลงมากที่สุดในวันนี้ โดยสัญญาส่งมอบเดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายหนาแน่นที่สุด ลดลง 1.3% มาอยู่ที่ 7,112 หยวนต่อตัน ขณะที่สัญญาเดือนพ.ค.ร่วงลง 2.2% มาอยู่ที่ 7,057 หยวนต่อตัน
สำหรับปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้าคือ ภาวะการซื้อขายซบเซาในตลาดสป็อต เนื่องจากผ่านพ้นช่วงฤดูกาลสั่งซื้อน้ำตาลไว้รองรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ไปแล้ว นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีการนำเข้าน้ำตาลเป็นจำนวนมากในเดือนหน้า ซึ่งทำให้แรงกดดันด้านอุปทานที่มีต่อตลาดน้ำตาลคลี่คลายลงในเดือนนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า แนวสนับสนุนจะอยู่ที่ 7,075 หยวนต่อตัน และแนวต้านจะอยู่ที่ 7,300-7,350 หยวนต่อตันในระยะใกล้นี้
ด้านสัญญาล่วงหน้าถั่วเหลืองที่มีการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต้าเหลียนลดลง ตามการทรุดตัวลงอย่างรุนแรงในตลาด CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยสัญญาเดือนพ.ค.ลดลง 0.08% มาอยู่ที่ 4,743 หยวน/ตัน
ส่วนสัญญาน้ำมันถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 10,436 หยวนต่อตัน เพิ่มขึ้น 0.36%
นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดถั่วเหลืองและตลาดน้ำมันสำหรับปรุงอาหารในประเทศจะดีกว่าตลาดในสหรัฐ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงวันหยุดเดือนก.ย.-ต.ค.
อย่างไรก็ดี นโยบายควบคุมของรัฐบาลอาจยับยั้งโอกาสที่ราคาน้ำมันปรุงอาหารจะปรับตัวสูงขึ้นต่อจากนั้น
ขณะเดียวกัน สัญญาล่วงหน้าฝ้ายที่มีการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจวดีดตัวขึ้นเล็กน้อยเพราะได้รับอานิสงส์จากโครงการสำรองฝ้ายของรัฐบาล โดยสัญญาเดือนพ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายคึกคักที่สุด เพิ่มขึ้น 0.23% มาอยู่ที่ 21,760 หยวนต่อตัน
ดัชนีราคาฝ้ายแห่งชาติ CCIndex 328 ซึ่งชี้ให้เห็นถึงราคาเฉลี่ยของเส้นใยฝ้ายมาตรฐานในจีน เพิ่มขึ้น 46 หยวนมาอยู่ที่ 19,362 หยวนต่อตัน
ฝ้ายในตลาดเจิ้งโจวยังอยู่ในช่วงขาลงและต้องเผชิญกับแรงกดดันที่จะเคลื่อนตัวทะลุแนวต้านที่ 22,200 หยวนต่อตันไปจนกว่าตลาดจะได้รับปัจจัยบวกจากตลาดสปอต
ขณะนี้ ฝ้ายล็อตใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาดในบางส่วนของเขตปกครองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นฐานการผลิตฝ้ายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแล้ว โดยมีราคาอยู่ที่ราว 20,000 หยวนต่อตัน ซึ่งแทบจะไม่ขยับเนื่องจากรัฐบาลตั้งราคาคุ้มครองไว้ แนวโน้มตลาดค้าฝ้ายในช่วงเวลาหลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับกระแสความต้องการของอุตสาหกรรมสิ่งทอ