สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบเงินยูโร หลังจากที่สมาชิกคนสำคัญของคณะกรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลาออกจากตำแหน่งอย่างไม่คาดฝัน ส่งผลให้นักลงทุนทวีความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรป
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.81 ดอลลาร์ หรือ 2.03% ปิดที่ 87.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 112.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เงินยูโรอ่อนค่าหนักสุดในรอบกว่า 6 เดือนเมื่อเทียบเงินดอลลาร์ หลังจากที่อีซีบีประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า นายเจอร์เกน สตาร์ค ซึ่งเป็นหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารอีซีบี จะลาออกจากตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้เป็นอย่างช้า ด้วยเหตุผลส่วนตัว อย่างไรก็ตาม สื่อต่างๆตีข่าวว่าเขาลาออกเพราะต่อต้านนโยบายเข้าซื้อพันธบัตรของอีซีบี ซึ่งทำให้นักลงทุนกลัวว่าความแตกแยกในอีซีบีอาจส่งผลกระทบต่อบทบาทของอีซีบีในการกู้วิกฤตหนี้สินในยุโรป
ขณะเดียวกันความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปอาจถดถอยก็มีมากขึ้น ดูได้จากการที่รัฐมนตรีคลังกลุ่มจี7 ประชุมร่วมกันเพื่อหาทางกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนในสหรัฐนั้น แม้ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเสนอแผนสร้างงานมูลค่า 4.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน แต่นักลงทุนยังกังขาว่าแผนดังกล่าวจะผ่านการรับรองจากสภาคองเกรสหรือไม่ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัวที่เด่นชัดเลย
นอกจากนั้นข่าวที่ว่าลิเบียเสนอขายน้ำมันดิบราว 2 ล้านบาร์เรลสู่ตลาด ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เกิดปัญหาในการผลิตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบเบรนท์