ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 ก.ย.) สัญญาข้าวสาลีปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์และการแข่งขันจากที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากภูมิภาคในเขตทะเลดำทำให้ข้าวสาลีขาดแรงดึงดูดต่อการลงทุนแต่อย่างไรก็ตาม ข้าวโพดและถั่วเหลืองเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ร่วงลงเมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำค้างแข็ง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.5 เซนต์ หรือ 0.34% ปิดที่ 7.365 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8.25 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 7.2975 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 8.5 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 14.2675 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ในตลาดกล่าวว่า การแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์อันมีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สินในยุโรปนั้น ได้ฉุดราคาข้าวสาลีร่วงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าอาจมีฝนตกในเขตที่ราบทางภาคใต้ของสหรัฐในสัปดาห์หน้าและการแข่งขันด้านการส่งออกที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากรัสเซียและยูเครนยังทำให้ความน่าสนใจของข้าวสาลีลดลงอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเปรียบเทียบค่าเงินดอลลาร์ในตะกร้าเงิน 6 สกุลหลัก พุ่งขึ้นกว่า 1% สู่ประมาณ 77.2 จุด
อย่างไรก็ตาม ข้าวโพดและข้าวสาลีเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการรายงานสภาพอากาศบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดภาวะน้ำค้างแข็งในภาคเหนือของเขตมิดเวสต์ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ยอดการส่งออกที่สูงกว่าคาดการณ์ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาอีกด้วย
กระทรวงเกษตรของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ยอดส่งออกข้าวโพดประจำสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 1 กันยายน อยู่ที่ 870,600 ตัน และถั่วเหลืองอยู่ที่ 484,993 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ทั้ง 2 รายการ
ในขณะเดียวกัน เทรดเดอร์คาดว่ายอดผลผลิตข้าวโพดของสหรัฐอาจอยู่ที่ 400 ล้านบุชเชลและยอดสต๊อกคาดว่าจะลดลง 75 ล้านบุชเชล ซึ่งเพิ่มช่วยบรรยากาศที่เป็นบวกให้กับตลาด สำนักข่าวซินหัวรายงาน