ข้อมูลล่าสุดที่เปิดเผยโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ยอดผลผลิตทองแดงของจีนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 29% ในเดือนสิงหาคม สู่ระดับ 518,000 ตัน และเพิ่มขึ้น 8.4% จากเดือนกรกฎาคม
ในระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม จีนมียอดผลผลิตทองแดงทั้งสิ้น 3.64 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบเป็นรายปี
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการแปรรูปและต้นทุนการถลุงทองแดง ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์-อุปทานที่สำคัญ ได้ปรับตัวลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การลดลงของปริมาณแร่ทองแดงในตลาด จะทำให้มีแร่ทองแดงไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงถลุงทองแดงภายในประเทศ
ต้นทุนการแปรรูปและต้นทุนการถลุงทองแดงในตลาดสปอดลดลงสู่ 50-70 ดอลลาร์/ตัน และ 5-7 เซนต์/ปอนด์ จากสูงกว่า 100 ดอลลาร์/ตัน และ 10 เซนต์/ปอนด์ ตามลำดับ
ต้นทุนที่ลดลงส่งสัญญาณว่า ปริมาณแร่ทองแดงลดลงนั้น อาจผลักดันราคาทองแดงปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ในขณะเดียวกัน การใช้ทองแดงจำนวนมากในญี่ปุ่น รวมถึงโครงการก่อสร้างหลังเกิดเหตุภัยพิบัตินั้น อาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าแร่ทองแดงของจีน ซึ่งอาจทำให้ยอดผลผลิตทองแดงลดลงในเดือนต่อๆไป
ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า การลดลงของผลผลิตทองแดงจะทำให้ราคาถีบตัวสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
บาร์เคลย์ส แคปปิตอล คาดว่า ราคาทองแดงในตลาดสปอตลอนดอนอาจแตะที่ประมาณ 10,500 ดอลลาร์/ตันในไตรมาสที่ 3 และอาจทะลุ 12,000 ดอลลาร์/ตันในไตรมาสที่ 4 โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราคาทองแดงที่ตลาดสปอตลอนดอนแตะที่ 10,106 ดอลลาร์/ตัน และราคาอ้างอิงสัญญาล่วงหน้า 3 เดือนในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 10,190 ดอลลาร์/ตัน
ราคาอ้างอิงสัญญาล่วงหน้า 3 เดือนของทองแดงในตลาดลอนดอนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 8,839 ดอลลาร์/ปอนด์ เมื่อเร็วๆ นี้ และเพิ่มขึ้น 84.5 ดอลลาร์ในการซื้อขายในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงาน