สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) แต่ราคายังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่ะความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนก.ย.ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูการประชุมของรัฐมนตรีคลังยุโรปที่โปแลนด์ในการหารือแนวทางแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซน
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดร่วงลง 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.61% แตะที่ 87.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากราคาดิ่งลงต่ำที่ 87.00 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบดีดขึ้น 72 เซนต์ หรือ 0.83%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดลบ 8 เซนต์ หรือ 0.07% ที่ 122.22 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยในสัปดาห์นี้ ราคาปรับตัวลง 55 เซนต์ หรือ 0.49%
ยูโรอ่อนค่าลงหลังจากทะยานขึ้นที่ได้รับแรงหนุนจากมาตการของยุโรปในการจัดการวิกฤติหนี้สิน โดยยูโรปรับตัวลงราว 0.7% เทียบดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์ที่แข็งค่าได้กดดันราคาน้ำมัน
ในสัปดาห์นี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาย่ำแย่ ซึ่งไม่ได้ช่วยหนุนความหวังเกี่ยวกับการปรับตัวดีขึ้นของอุปสงค์น้ำมัน
รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 57.8 จุด หลังจากร่วงลงแตระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีที่ 55.7 จุดในเดือนส.ค. โดยตัวเลขเบื้องต้นดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สั่นคลอน ท่ามกลางความผันผวนในตลาดหุ้นและตลาดแรงงานที่ซบเซา
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันดิบยังจับตาดูการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปที่โปแลนด์อย่างใกล้ชิด หลังจากเมื่อเช้าวานนี้ มีรายงานข่าวว่า นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งได้เข้าร่วมการประชุมด้วย ได้เรียกร้องให้บรรดารัฐมนตรียูโรโซนแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันในการจัดการวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรปและในการขยายขอบเขตของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันดิบ