สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) หลังจากที่ประชุมรมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการใดๆที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าวิกฤติหนี้ยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและทำให้ความต้องการพลังงานอ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 2.26 ดอลลาร์ หรือ 2.60% ปิดที่ 85.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 84.79-87.75 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ดิ่งลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 109.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.70-112.11 ดอลลาร์
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบเนื่องจากความกังวลที่ว่า วิกฤติหนี้ยุโรปอาจส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวและฉุดรั้งความต้องการพลังงานให้อ่อนแอลงด้วย หลังจากที่ประชุมรมว.คลังกลุ่มอียูไม่ได้ประกาศใช้มาตรการใดๆในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ซึ่งข่าวดังกล่าวยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ที่ว่า กรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากความผิดหวังต่อผลการประชุมรมว.คลังอียูแล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากการประชุมฉุกเฉินระหว่างกรีซ สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จบลงโดยไม่มีการแถลงใดๆที่เป็นรูปธรรม โดยไอเอ็มเอฟและอียูยังคงลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งใหม่ หากรีซไม่เดินการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงระบบจัดเก็บภาษี ขณะที่รมว.คลังของกรีซเตรียมจัดประชุมทางไกลอีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบมากจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.5% สู่ระดับ 76.968 จุด เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินยูโรและหันไปซื้อดอลลาร์ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า
นายอับดุลเลาะห์ อัล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กล่าวว่ากลุ่มโอเปคอาจจะลดปริมาณการผลิตหากลิเบียนเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมันแบบเต็มสูบได้อีกครั้ง โดยนายอับดุลเลาะห์คาดว่า ลิเบียอาจต้องใช้เวลาประมาณ 15 เดือนจึงจะสามารถฟื้นฟูสายการผลิตให้สู่ภาวะปกติได้อีกครั้ง
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.9%