ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) สัญญาข้าวสาลีและถั่วเหลืองดีดกลับมาเพิ่มขึ้น เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลลาร์และข่าวในเชิงบวกจากตลาดอื่นๆ ในขณะที่ข้าวโพดได้รับผลกระทบจากการรายงานข่าวที่ว่า จีนเตรียมระบายข้าวโพดจากสต๊อกสำรองของรัฐบาลเพื่อผ่อนคลายภาวะเงินเฟ้อ
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.29% ปิดที่ 6.9025 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ หรือ 0.26% ปิดที่ 6.7475 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 13.38 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ในตลาดกล่าวว่า ทั้งข้าวสาลีและถั่วเหลืองต่างก็ได้รับแรงหนุนจากตลาดอื่นๆ โดยราคาน้ำมันที่ตลาดนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ หลังจากที่ร่วงลงอย่างมากในการซื้อขายในวันก่อนหน้านั้น ผนวกกับการอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลลาร์
นอกจากนี้ ราคาข้าวสาลียังได้รับแรงหนุนอย่างแข็งแกร่งจากรายงานการเพาะปลูกข้าวสาลีในช่วงฤดูหนาว ซึ่งบ่งชี้ว่าแล้วเสร็จสิ้นไปเพียง 14% เมื่อเทียบกับ 19% ในปีก่อน และค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ 22%
ในขณะเดียวกัน รายงานภาวะการเติบโตของถั่วเหลืองระบุว่า ถั่วเหลืองมีภาวะเติบโตที่ดีเพียง 53% เมื่อเทียบกับ 63% ในปีก่อน โดยภาวะการเติบโตได้ลดลงอย่างมากในรัฐมินเนสโซตา ซึ่งถั่วเหลืองพื้นที่แห่งนี้มีภาวะการเติบโตที่ดีเพียง 51% ลดลงจาก 87% ในปีก่อน
ข้อมูลสถิติบ่งชี้ว่า ยอดนำเข้าถั่วเหลืองในเดือนกันยายนของจีนคาดว่าจะแตะที่ 4.31 ล้านตัน สูงกว่าการคาดการณ์ในก่อนหน้านี้ที่ 3.2 ล้านตัน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดถั่วเหลือง
ถึงแม้ว่าข้าวโพดจะได้รับแรงหนุนจากการการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดอื่นๆ และการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ในการซื้อขายในช่วงเช้า แต่ปัจจัยหนุนดังกล่าวถูกบดบังด้วยข่าวที่ว่า จีนจะระบายข้าวโพดจำนวน 3.7 ล้านตันออกจากสต๊อกสำรองของรัฐบาลเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยก่อนหน้านี้จีนได้กักตุนสต๊อกข้าวโพดไว้กว่า 12 ล้านตันหลังจากที่ขายออกไปประมาณ 55 ล้านตันนับตั้งแต่ปี 2551 เพื่อชดเชยการขาดดุล สำนักข่าวซินหัวรายงาน