ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) สัญญาข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลือง ปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลว่า การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงด้วย
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.5 เซนต์ หรือ 0.65% ปิดที่ 6.8575 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 6.6675 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 17.5 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 13.205 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกอาจจะยังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจอาจกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้อุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัวด้วย
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับภาวะขาลง พร้อมกับประกาศใช้มาตรการ Operation Twist ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุการไถ่ถอน 6-30 ปีวงเงินรวม 4 แสนล้านดอลลาร์ พร้อมกับขายพันธบัตรอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่า ในวงเงินที่เท่ากัน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ในขณะเดียวกัน การแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ยังเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดสินค้าเกษตรมากขึ้น โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งเปรียบเทียบค่าเงินสกุลดอลลาร์เทียบค่าเงินสกุลหลัก 6 สกุลในตระกร้าเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 77.8 จุดเมื่อวานนี้
นอกจากนี้ ราคาข้าวโพดยังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง เนื่องจากยอดการผลิตเอทธานอลประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 16 กันยายนอยู่ที่เฉลี่ย 871,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 0.91% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น โดยยอดการผลิตเอทธานอลตลอดทั้งสัปดาห์ในสัปดาห์ดังกล่าวอยู่ที่6.097 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่ายอดรวมประจำสัปดาห์ที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม เป็นต้นมา
ถั่วเหลืองได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายเช่นเดียวกับตลาดข้าวโพดและปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าการส่งออกของสหรัฐจะยังคงชะลอตัว เพราะมีอุปทานจำนวนมากจากอเมริกาใต้ และกิจกรรมการขายของเกษตรกรสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอยู่ในช่วงการเก็บเกี่ยว สำนักข่าวซินหัวรายงาน