สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร นอกจากนี้ ตลาดยังคงขานรับข่าวที่ว่าผู้นำยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูการรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.21 ดอลลาร์ หรือ 5.25% ปิดที่ 84.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนพ.ย.ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน พุ่งขึ้น 3.20 ดอลลาร์ หรือ 3.08% ปิดที่ 107.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบยังคงปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกกับรายงานของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีที่ระบุว่าผู้นำยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของกองทุน EFSF ด้วยการกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) โดยมีการคาดการณ์ว่าผู้นำยุโรปอาจจะเพิ่มเงินทุนให้แก่ EFSF เป็น 1-2 ล้านล้านยูโร
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากมีรายงานว่า ผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้ โดยเฉพาะรมว.คลังเยอรมนีและรมว.เศรษฐกิจของฝรั่งเศส ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มขนาดของกองทุน EFSF
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 45.4 จุด ซึ่งแม้ว่าจะสูงกว่าเดือนส.ค.ที่ระดับ 44.5 จุด แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 46 จุด ส่วนราคาบ้านประจำเดือนก.ค.ใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลง 4.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นักลงทุนจับตาดูการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติของเยอรมนีที่จะลงมติเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในวันที่ 29 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ย.นี้ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้คาดว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.8%