ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) สัญญาธัญพืชปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์และการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้น ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ผู้นำประเทศยุโรปกำลังหารือกันเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินในยูโรโซน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 6.5225 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่ง 10 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 6.5825 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.25 เซนต์ หรือ 0.26% ปิดที่ 12.63 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การอ่อนค่าลงอย่างมากของเงินสกุลดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้น ต่างก็เป็นปัจจัยหนุนต่อทั้งแรงซื้อและการชื้อชดเชยในตลาดธัญพืช
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลง 0.37% สู่ 77.76 จุด เมื่อวานนี้ เพราะได้รับอานิสงส์จากสัญญาณที่ดีจากยุโรป นอกจากนี้ ตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะปัจจัยดังกล่าว โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 146.83 จุด หรือ 1.33% ปิดที่ 11,190.69 จุด ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.21 ดอลลาร์ หรือ 5.25% ปิดที่ 84.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาด CBOT ยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) ที่บ่งชี้ว่า การเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลือง ณ วันที่ 25 ก.ย. ได้แล้วเสร็จไปเพียง 15% และ 5% ตามลำดับ ซึ่งเป็นสถิติที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้รวมทั้ง ยังมีการคาดการณ์ที่ว่า ฝนที่ตกหนักในภาคตะวันออกของพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดของสหรัฐอาจทำให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องเลื่อนออกไปอีกราว 2-3 วัน
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังบ่งชี้ว่า การเพาะปลูกข้าวสาลีในช่วงฤดูหนาวได้แล้วเสร็จไปเพียง 26% เมื่อเทียบกับ 32% ในปีก่อน และค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปีที่ 37% สำนักข่าวซินหัวรายงาน