สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) หลังจากรัฐบาลกรีซยอมรับว่าอาจจะพลาดเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลกรีซอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบจำกัด เพราะตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 1.59 ดอลลาร์ หรือ 2.01% ปิดที่ 77.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.85-79.64 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.02% ปิดที่ 101.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 100.71-102.80 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากรัฐบาลกรีซยอมรับว่า กรีซอาจจะพลาดเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณในปี 2554 ให้ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.6% ของจีดีพี ตามที่ได้ตกลงไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไอเอ็มเอฟ/อียูกำหนดว่ากรีซจะต้องทำให้ได้ก่อนที่จะได้รับเงินช่วยเหลือรอบสอง
รัฐบาลกรีซได้เปิดเผยร่างงบประมาณประจำปี 2555 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า หนี้สินของรัฐบาลอาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 172.7% ของจีดีพี จากตัวเลขประมาณการในปี 2554 ที่ 161.8% ของจีดีพี และคาดว่าเศรษฐกิจกรีซอาจจะหดตัวลง 5.5% ในปีนี้
นอกจากนี้ ร่างงบประมาณยังระบุว่า เศรษฐกิจกรีซจะหดตัวลงอีก 2.5% ในปี 2555 และคาดว่าอัตราว่างงานภายในประเทศจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 15.2% ในปี 2554 และทะยานขึ้นไปแตะระดับ 16.4% ในปี 2555
ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่ากรีซอาจจะไม่รอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ถดถอยลงอย่างรุนแรง ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวทำให้มีแรงเทขายในตลาดน้ำมัน NYMEX
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมัน NYMEX ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยหนุนตลาดในระหว่างวัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนส.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.4% สู่ระดับ 7.9915 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.3%
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.ขยายตัวที่ระดับ 51.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 50.6 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 50.5 จุด เพราะได้แรงหนุนจากปริมาณการผลิตและการจ้างงานในภาคการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนสหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.7%