สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นเกินคาด และหลังจากจีนเปิดเผยว่ายอดเกินดุลการค้าร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.34 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 84.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 111.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลงหลังจาก EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 7 ต.ค.พุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 337.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 700,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 2.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 154 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 209.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 3.5% สู่ระดับ 84.2%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานศุลกากรจีนที่ระบุว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.ย.ของจีนร่วงลง 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.451 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในตลาดภายในประเทศ ขณะที่ยอดส่งออกเดือนก.ย.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 17.1% สู่ระดับ 1.6967 แสนล้านดอลลาร์ และยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 20.9% สู่ระดับ 1.5516 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าของจีนลดลงอย่างมากในเดือนก.ย.