สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้ยุโรปอาจจะยืดเยื้อ หลังจากรมว.คลังเยอรมนีกล่าวว่า ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะยังไม่มีมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นเด็ดขาด ในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดลบ 42 เซนต์ หรือ 0.48% แตะที่ 86.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.88-88.18 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากนายวูล์ฟกัง ชูเบิล รมว.คลังเยอรมนี กล่าวว่า ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะยังไม่มีมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นเด็ดขาด ในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 23 ต.ค.นี้
การแสดงความคิดเห็นของนายชูเบิลได้ดับความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่า ผู้นำอียูจะสามารถบรรลุข้อตกลงการใช้มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ยูโรโซนในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ การแสดงความคิดเห็นของนายชูเบิลยังทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า ปัญหาหนี้ยูโรโซนอาจจะเป็นไปอย่างล่าช้า และอาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจทั่วโลกให้กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายสเตเฟน เซเบิร์ต โฆษกรัฐบาลเยอรมนีได้ออกมาเตือนว่า "ความคาดหวังที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขและจัดการได้ภายในวันจันทร์หน้านั้น อาจจะยังไม่เกิดขึ้น"
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กที่ระบุว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในรัฐนิวยอร์ก (Empire State Index) อยู่ที่ระดับ -8.5 จุดในเดือนต.ค. กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก.ย.ที่ระดับ -8.8 จุด
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 0.9 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.2%