สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 1.6% หลังจากธนาคารรายใหญ่หลายแห่งของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบงก์ ออฟ อเมริกา นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดบวก 1.96 ดอลลาร์ หรือ 2.27% ปิดที่ 88.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.55-88.61 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 111.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX คึกคักขึ้นหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า เยอรมนีและฝรั่งเศสได้บรรลุข้อตกลงการเพิ่มวงเงินให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของธนาคารรายใหญ่หลายแห่งของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า กำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5.9 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และซิตี้กรุ๊ป รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ อ่อนตัวลงกว่า 0.1%% ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาถูกขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้แรงหนุนจากสถานการณ์ที่ยังคงตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงเยเมนและอียิปต์ซึ่งเป็นประเทศที่มีการผลิตน้ำมันจำนวนมาก
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 0.9 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.2%