สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาดและข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดได้รับแรงกดดันจากการระบายสัญญาน้ำมันดิบเดือนพ.ย.ก่อนที่สัญญาจะครบกำหนดส่งมอบในช่วงปิดตลาดวันพฤหัสบดี
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดลบ 81 เซนต์ หรือ 0.94% แตะที่ 85.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 84.10-86.94 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.26% ปิดที่ 109.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ต.ค.พุ่งขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 332.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดได้รับแรงกดดันจากการระบายสัญญาน้ำมันดิบเดือนพ.ย.ก่อนที่สัญญาจะครบกำหนดส่งมอบในช่วงปิดตลาดวันพฤหัสบดี รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ โดยยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐร่วงลง 3% สู่รดับ 4.91 ล้านยูนิตต่อปีในเดือนก.ย. ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 403,000 รายในสัปดาห์ล่าสุด
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนักและสามารถดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันได้ หลังจากมีข่าวว่าผู้นำยุโรปจะหารือกันเรื่องแผนการแบบเบ็ดเสร็จในการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนในการประชุมสุดยอดวันอาทิตย์นี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเสียชีวิตของพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี จะทำให้ภาวะติดขัดด้านการผลิตน้ำมันในลิเบียสิ้นสุดลง และจะช่วยให้การฟื้นฟูอุตสาหกรรมน้ำมันลิเบียดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันปริมาณการผลิตน้ำมันในลิเบียอยู่ที่ 430,000 บาร์เรล/วัน