สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันของสหรัฐจะปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากมีรายงานว่า รมว.คลังกลุ่มยูโรโซนได้ยกเลิกการประชุมในวันนี้ แม้กลุ่มผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ยังคงเดินหน้าจัดการประชุมตามกำหนดการในวันนี้ก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 93.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 110.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นอันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ต.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ จะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล แต่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.3%
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยลบในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่ารมว.คลังกลุ่มยูโรโซนได้ยกเลิกการประชุมในวันนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ อาจจะไม่สามารถสรุปมาตรการขั้นเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรปได้
มาสเตอร์การ์ด/สเปนดิงพัลซ์รายงานว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินค้าปลีกของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และระบุว่าราคาน้ำมันเบนซินปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 39.8 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2551 เนื่องจากผู้บริโภควิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยหลังจากตลาดน้ำมัน NYMEX ปิดทำการเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ต.ค.เพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 153,000 บาร์เรล