สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 13 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 93.19 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 91.36-93.80 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.3% แตะที่ 109.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.20-110.33 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราด้วยการเทขายเงินเยน โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการแข็งค่าของเงินเยนที่กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมส่งออกของญี่ปุ่น ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีมูลค่าไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแล้ว ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าเอ็มเอฟ โกลบอล โฮลดิ้งส์ บริษัทโบรกเกอร์สัญญาล่วงหน้าซึ่งลงทุนจำนวนมากในตราสารหนี้ยุโรปได้ยื่นขอล้มละลายตามมาตรา 11 ซึ่งนับเป็นความเสียหายมากที่สุดของสหรัฐจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน
ตลอดเดือนต.ค.ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นกว่า 17 % ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2552 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานตึงตัว
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 500,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.1%