ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (1 พ.ย.) สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับแรงกดดันจากอุปทานจำนวนมากจากภูมิภาคอเมริกาใต้และการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ ในขณะที่ข้าวโพดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% เนื่องจากเทรดเดอร์คาดว่ากระทรวงเกษตรของสหรัฐ (USDA) จะเปิดเผยตัวเลขยอดผลผลิตเฉลี่ยและยอดสต๊อกที่ลดลงในกำหนดการเปิดเผยข้อมูลในสัปดาห์หน้า
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.25 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 6.5425 ดอลลาร์/บุชเชล ในขณะที่ สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 6.3 ดอลลาร์/บุชเชล และ สัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 14.75 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 12.025 ดอลลาร์/บุชเชล
ตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกได้ปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ เนื่องจากจากความนักลงทุนลดความเสี่ยงในการลงทุน ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่าการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซอาจจะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง หลังนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซประกาศว่า รัฐบาลกรีซจะจัดการทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนตัดสินใจว่าจะยอมรับข้อตกลงในมาตรการแก้ไขวิกฤติหนี้กรีซและยูโรโซนหรือไม่
คริส โรบินสัน ผู้จัดการความเสี่ยงและเทรดเดอร์จากท็อป เธิร์ด เอจี มาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า "สัญญาธัญพืชมีความผันผวนเช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ เนื่องจากราคาทองคำและดัชนีตลาดหุ้นมีความเคลื่อนไหวที่รุนแรง"
นายโรบินสันกล่าวเสริมว่า "เทรดเดอร์ยังคงจับตามองตลาดภายนอก โดยเฉพาะดัชนีตลาดหลักทรัพย์และราคาน้ำมันและทองคำ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อธัญพืช"
ทั้งนี้ การระบายสัญญาก่อนหมดอายุของกองทุนเทรดเดอร์และนักเก็งกำไร รวมทั้งการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ได้ฉุดตลาดธัญพืชให้ปรับตัวลดลง เนื่องจากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ทำให้ภาวะการส่งออกของสหรัฐลดลง รวมทั้งทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง
การรายงานผลการตรวจสอบยอดสต๊อกประจำสัปดาห์ของ USDA ที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ระบุว่า ยอดสต๊อกถั่วเหลืองแตะที่ 48.5 ล้านบุชเชล เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ 43.9 ล้านบุชเชล และค่าเฉลี่ยในรอบ 4 สัปดาห์ที่ 21 ล้านบุชเชล
ทิม ฮานนาแกน นักวิเคราะห์ธัญพืชอาวุโสจาก PFGBEST ในชิคาโกกล่าวว่า "ยอดขายได้พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากจีนได้สั่งซื้อถั่วเหลืองจากอเมริกาใต้ในอัตราส่วนที่สูงขึ้นสำหรับการส่งมอบในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยว"
"หากมีข่าวเกี่ยวกับสาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคมในบราซิล เราก็จะเห็นยอดสั่งซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐในปริมาณที่สูงมาก เนื่องจากเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากยอดผลผลิตในบราซิล ดังนั้น เราจึงจับตาดูสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด" นายแฮนนาแกนกล่าว
นักวิเคราะห์ในตลาดชี้ว่า สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในอเมริกาใต้อาจจะยังกดดันต่อราคาถั่วเหลืองอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพืชจะมีภาวะเติบโตที่ดีท่ามกลางความคืบหน้าในการเพาะปลูกที่รวดเร็วในบราซิล ในขณะที่อาร์เจนตินายังมีสภาพความชื้นที่ดีขึ้นอีกด้วย" สำนักข่าวซินหัวรายงาน