สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และรายงานที่ระบุว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 92.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 90.97-93.79 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 109.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.56-111.47 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และหลังจาก ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. เพราะได้แรงหนุนจากภาคบริการที่มีการจ้างงานสูงขึ้นถึง 114,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานที่ซบเซาของสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ต.ค.พุ่งขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 339.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 206.3 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 141.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 85.3% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้าลงมาอยู่ที่ระดับ 2.5-2.9% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ 3.3-3.7% ส่วนในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ระดับ 1.6-1.7% น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 2.7-2.9%