สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน รวมทั้งปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่านายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซได้ตัดสินใจชะลอแผนการทำประชามติเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยลดกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 1.69% ปิดที่ 94.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.36% ปิดที่ 110.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางยุโรปมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2552 และสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะตรึงอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนคาดหวังว่า การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปจะสามารถรับมือกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนได้ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อนายปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซได้ตัดสินใจชะลอแผนการทำประชามติ หลังจากที่หลายฝ่ายมองว่าการทำประชามติดังกล่าวอาจจะส่งผลประทบที่รุนแรงต่อข้อตกลงของผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรีซและฟื้นฟูภาคธนาคารของยุโรป
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 397,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ และนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 400,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว
นอกเหนือจากข้อมูลด้านแรงงานที่สดใสของสหรัฐแล้ว สัญญาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.5% เมื่อวานนี้