สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนต.ค.ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ดีดขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.20% ปิดที่ 94.26 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลอดสัปดาห์ตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.นั้น สัญญาน้ำมัน NYMEX ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 94 เซนต์ หรือ 1%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมัน NYMEX ดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 80,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 13 เดือน ขณะที่อัตราว่างงานดือนต.ค.ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9% จากระดับ 9.1% ของเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซ ตัดสินใจระงับข้อเสนอการทำประชามติเกี่ยวกับแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซที่ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จัดทำขึ้น และจากรายงานที่ว่า อิตาลีและประเทศอื่นๆที่ประสบปัญหาหนี้ ตกลงว่าจะให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และอียู สามารถติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงสถานะทางการเงินภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่ประเทศใดประเทศหนึ่งในที่ประชุม G-20 จะให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยยุโรปในเรื่องการแก้ไขวิกฤตหี้
นักวิเคราะห์คาดว่า อียูอาจจะพิจารณาให้กรีซถอนตัวออกจากสมาชิกภาพกลุ่มยูโรโซน และคาดว่าอิตาลีจะเป็นประเทศที่ถูกจับตาต่อจากกรีซ