สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอิตาลีอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนัก เพราะตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลงอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 95.74 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 97.84 - 94.55 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะที่กำลังลุกลามเข้าสู่อิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยูโรโซน หลังจากจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.502% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดครั้งใหม่นับตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 และบ่งชี้ว่ารัฐบาลอิตาลีจะต้องแบกรับภาระหนี้สินมูลค่ามหาศาล
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลียังอยู่ในระดับที่สูงมาก แม้นายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้ประกาศลาออกแล้วก็ตาม ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ของอิตาลีอาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจยูโรโซนให้ถดถอยลง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนัก โดยสัญญาดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 94.55 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 พ.ย.ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 338.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 135.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 204.2 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันร่วงลง 2.7% สู่ระดับ 82.6% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.1%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้แรงหนุจากข่าวที่ว่า นายวิลเลียม ฮิวจ์ รมว.ต่างประเทศของอังกฤษยืนยันว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรด้านการเงินและพลังงานต่ออิหร่าน เพื่อตอบโต้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน