สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และรายงานที่ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนหดตัวลงในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะที่กำลังฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซน
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 85 เซนต์ หรือ 0.86% แตะที่ 98.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 99.69 - 97.19 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.27 ดอลลาร์ หรือ 1.99% ปิดที่ 111.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 111.32 - 114.83 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของอิตาลี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.29% ในการประมูลวันจันทร์ สูงกว่าระดับ 5.32% ในการประมูลเมื่อเดือนที่แล้ว และถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่อิตาลีเข้าร่วมก่อตั้งกลุ่มยูโรโซน แม้นายมาริโอ มอนติ อดีตคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลีก็ตาม
ตลาดได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นเมื่ออังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า "ยุโรปกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2"
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูการลงมติรับรองคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอส ในวันพุธนี้ ก่อนที่จะมีการประชุมรมว.คลังกลุ่มยูโรโซนที่เมืองบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ที่ระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศกลุ่มประเทศยูโรโซน หดตัวลง 2.0% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนในกลุ่มประเทศอียู 27 ประเทศ ลดลง 1.3% เมื่อเทียบรายเดือน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 700,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.4%