สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและฉุดรั้งอุปสงค์พลังงานให้หดตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี ในการประมูลซึ่งมีขึ้นเมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.77 ดอลลาร์ หรือ 3.67% ปิดที่ 98.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 103.37 - 98.28 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ดิ่งลง 3.66 ดอลลาร์ หรือ 3.27% ปิดที่ 108.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปยังคงเป็นปัจจัยลบต่อตลาดน้ำมัน NYMEX เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการลุกลามของวิกฤตหนี้อาจจะฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานทั่วโลก
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปทวีความรุนแรงขึ้นเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี และรัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนจากการประมูลขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 3.6 พันล้านยูโร (4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายสูงสุดที่กระทรวงการคลังสเปนกำหนดไว้ที่ 4 พันล้านยูโร
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลของกรีซ กำลังเจรจาเรื่องการปรับลดมูลค่าพันธบัตรของกรีซ หรือการทำ haircut ลงในสัดส่วน 50% ร่วมกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ตามข้อตกลงในที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับมุมมองของทั้งสองฝ่ายที่มีความแตกต่างกันในเรื่องแผนการทำสว็อปหนี้ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรชุดใหม่ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าผู้ถือพันธบัตรเอกชนจะขาดทุนมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาหที่สิ้นสุดวันที่ 12 พ.ย.ปรับตัวลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 388,000 ราย แต่การขยายตัวด้านการผลิตในเขตมิด-แอดแลนติกก็ชะลอตัวลงในเดือนพ.ย. หลังจากที่ขยายตัวแข็งแกร่งในเดือนต.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะสามารถกลับมาขยายตัวได้เต็มที่