สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากมีข่าวว่าสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดาประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานและการเงินของอิหร่าน เพื่อตอบโต้ที่อิหร่านเดินหน้าพัฒนานิวเคลียร์ นอกจากนี้ เหตุการณ์ความไม่สงบในอียิปต์และซีเรีย ยังทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดภาวะตัดขัดด้านอุปทานพลังงานในตะวันออกกลาง ซึ่งนับเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาน้ำมันดีดตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ 98.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 98.70 - 96.55 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2.15 ดอลลาร์ หรือ 2.01% ปิดที่ 109.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยล่าสุดมีรายงานว่าสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา ประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานและการเงินของอิหร่าน เพื่อกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งคว่ำบาตรธุรกิจพลังงานและการเงินของอิหร่าน เพื่อกดดันให้อิหร่านยุติกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ สหรัฐยังประกาศคว่ำบาตรบุคคลที่ให้ความช่วยเหลืออิหร่านในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม รวมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
"นี่เป็นการคว่ำบาตรครั้งแรกที่พุ่งเป้าไปยังภาคปิโตรเคมี โดยห้ามไม่ให้มีการจัดหาสินค้า การบริการ และเทคโนโลยีให้แก่ภาคส่วนนี้ของอิหร่าน รวมถึงลงโทษบุคคลหรือองค์กรที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าว การคว่ำบาตรธุรกิจพลังงานจะทำให้อิหร่านประสบความยากลำบากในการดำเนินงานในธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ตราบใดที่อิหร่านเลือกเส้นทางที่อันตรายเช่นนี้ สหรัฐก็จะหาทางโดดเดี่ยวและกดดันอิหร่าน ด้วยการร่วมมือกับประเทศพันธมิตรหรือทำด้วยตัวเอง" โอบามากล่าว
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอียิปต์และซีเรีย อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งอุดมไปด้วยแหล่งสำรองน้ำมันนั้น จะส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันและอุปทานน้ำมันในระยะใกล้นี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีไตรมาส 3 ครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า จีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวในอัตรา 2% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าการประมาณการครั้งแรกที่ 2.5%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 พ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 500,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.5%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ หลังจากนายอับดุล การีม อัล-ลออิบี รมว.พลังงานของอิรักคาดการณ์ว่า โอเปคอาจจะลดปริมาณการผลิตในการประชุมครั้งนี้